วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ทำไง..ให้เรียนเก่ง

วิธีเรียนเก่ง วิธีเรียนให้เก่ง รับรองเรียนเก่งขึ้นทันตา : คงมีหลายคนที่มักสงสัย ทำไมเพื่อนคนนี้เก่งจัง ทำไมพี่คนนั้นเก่งจัง เค้ามีเทคนิค

เคล็ดลับอะไรนะ ทำไมคนเหล่านั้นถึงเรียนเก่ง ทำไมเราถึงจะเก่งแบบเค้าบ้างนะ ทำยังไงถึงจะเรียนเก่งได้ซักครึ่งนึงของเค้านะ วันนี้ เลยข้อนำเสนอบทความวิธีเรียนเก่งซะเลย ลองอ่านและเอาไปประยุกต์ใช้ดูนะคะ ทำอย่างไรจึงจะเรียนเก่งวันนี้เรามาดู 11 วิธีเรียนเก่งกันบ้างดีกว่านะ1. ตั้งใจเรียนในห้องเรียน หลับบ้างในบางครั้งก็ไม่เป็นไรแต่อย่าบ่อยละ
2. อ่านหนังสือล่วงหน้าและหมั่นทบทวนบทเรียน
3. ขยันทำแบบฝึกหัดที่เรียนมาแล้ว
4. หาแรงจูงใจในการเรียน อ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด
5. ให้รางวัลตัวเองบ้างในบางครั้ง
6. ไม่อ่านหนังสือนานติดต่อกันเกินกว่า 40 – 45 นาที ควรจะมีการพักซัก 5 – 10 นาทีเพื่อนผ่อนคลายสมองบ้างหลังจากที่เหนื่อยล้ามากแล้ว เพราะถ้าเกินกว่านี้สมองของคนเรา จะไม่ค่อยรับรู้เรื่องอะไรอีกแล้ว(ยากที่จะให้จำ)
7. อย่าหักโหมและบังคับตัวเองจนมากเกินไป เพราะจากที่ดีแล้วจะเครียดเปล่าๆ
8. หากิจกรรมทำในยามว่างบ้าง เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา กิจกรรมต่างๆ
9. เมื่อมีเรื่องทุกข์ใจหรือไม่สบายใจไม่ควรอ่านหนังสือเพราะจะทำให้หงุดหงิดมากขึ้นเปล่าๆ
10. นั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบก่อนและหลังอ่านหนังสือทุกครั้ง หรืออาจทำในยามว่างก็ได้
11. ตั้งจุดมุ่งหมายในชีวิตที่เราต้องการให้มีแรงใจทำให้สิ่งนั้นสำเร็จ


แนะวิธีเรียนเก่งอีกวิธี

แนะนำวิธีเรียนเก่ง
        การเรียนเก่งในที่นี้ หมายถึงเรียนเก่งกว่าเดิม กล่าวคือเมื่อนักเรียนได้รับรู้วิธีการที่จะทำให้เรียนเก่งขึ้น และปฎิบัติได้ตลอดไปนักเรียนผู้นั้นก็จะเข้าใจในบทเรียน และสอบได้คะแนนดีขึ้น การที่จะเรียนเก่งขึ้นได้นั้นต้องฝึกตนเองให้สัมพันธ์กับสิ่งเหล่านี้คือ
   1. การแบ่งเวลา
   2. การทำการบ้าน
   3. วิธีทบทวนบทเรียน
   4 . ห้องสมุดกับการเรียนเก่ง
   5. การดูหนังสือเตรียมสอบ
   6. การพัฒนาความจำเพื่อให้เรียนเก่ง
หากนักเรียนคนใดสามารถปฎิบัติได้ตามหลักเกณฑ์ ทั้ง 6 ข้อนี้ จะต้องมีผลการเรียนที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน


ตัวอย่างการแบ่งเวลา การทำกิจกรรมประจำวันของนักเรียน
เวลา

กิจกรรม   6.00 - 6.30 ตื่นนอน, ช่วยงานบ้าน
   6.30 - 7.00 กิจประจำวัน ( อาบน้ำ, แปรงฟัน,รับประทานอาหาร,แต่งตัว )
   7.00 - 8.30 เดินทางไปโรงเรียน ,อ่านหนังสือพิมพ์,สังสรรค์ในหมู่เพื่อน, ถ้ามีเวลาเหลืออ่าน บทเรียนที่จะเรียนใน ชั่วโมงแรก
   8.30 - 11.30 เรียน
   11.30 -12.30 รับประทานอาหาร (ไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมง) เวลาที่เหลือทบทวนบทเรียน โดยวิธีถาม - ตอบด้วยปากเปล่า โดยกระทำ เป็นกลุ่มๆละประมาณ5 - 6 คนแล้วกำหนดผู้ถามโดยให้ผู้ถามไปเตรียมคำถามจากบทเรียนวิชา ต่างๆสลับกันไปควรมีคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองด้วย เพื่อให้สนุกควรมีการให้คะแนน ผู้ที่ได้คะแนน น้อยที่สุด อาจจะต้องเป็นผู้ไปรวบรวมคำถามในวันต่อไปก็ได้ (ทำให้สม่ำเสมอกันตลอดทั้งปี)
   12.30 - 15.30 เรียน
   15.30 - 17.00 เดินทางกลับบ้าน,หากใช้เวลาน้อยกว่านี้ เวลาที่เหลือบางวันเช่นวันศุกร์ ควรเล่นกีฬาหนักประมาณ 15 - 30 นาที กีฬาที่ควรเล่นเช่น ฟุตบอล,บาสเก็ตบอล,ตะกร้อ,เนตบอลวอลเลย์บอล ปิงปอง,ห่วงยาง ฯลฯ เพื่อเป็นการ ออกกำลังกายหนัก แต่ไม่ควรเล่นมากหรือบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้สมองล้ากลับถึงบ้านไม่อยากทบทวน บทเรียน
   17.00 - 17.30 ช่วยงานบ้าน
   17.30 - 18.30 กิจประจำวัน อาบน้ำ,รับประทานอาหาร
   18.30 - 19.30 ทำการบ้าน ดูข่าวสาร เหตุการณ์บ้านเมืองประจำวัน
   19.30 - 21.00 อ่านทบทวนบทเรียน,โน้ตย่อบทเรียน
   21.00 - 06.00 นอนหลับพักผ่อน
นักเรียนสามารถปรับตารางเวลาและกิจกรรมให้เข้ากับชีวิตประจำวันที่ทำอยู่ ถ้าต้องการให้ประสบผลสำเร็จควรทำสม่ำเสมอ

   การทำการบ้าน
การทำการบ้านนับเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากของการเรียนเพราะถือเป็นการทบทวนบทเรียนที่มีระยะเวลาค้นคว้าทำความเข้าใจกว่าเวลาในห้องเรียน มีหลักที่ควรยึดดังนี้
   1. จัดเวลาทำการบ้าน ควรจะเป็นระยะเวลา 18.00 - 21.00 น.กับครึ่งวันเช้าหรือบ่ายของวันหยุด ควรทำอย่างสม่ำเสมอจนติดเป็นนิสัย ถ้าวันใดไม่มีการบ้าน ต้องทบทวนบทเรียนแทน
   2. ตรวจดูความยากง่าย เมื่อได้รับคำสั่งจากครู อาจารย์ให้ทำการบ้าน แบบฝึกหัดใดหรือบทใด ตรวจดูอย่างคร่าวๆว่าพอทำได้หรือไม่ หากมีที่สงสัยควรถาม ครู,อาจารย์ก่อน
   3. รีบทำการบ้านอย่าทิ้งไว้นาน เมื่อได้รับการบ้านวันใดให้รีบทำให้เสร็จในวันนั้น ถึงแม้กำหนดส่งการบ้านจะเหลืออีกหลายวันยกเว้นจะได้รับการบ้านหลายวิชา จึงค่อยทำวิชาที่ต้องส่งก่อนเป็นอันดับแรก หากทำการบ้านตามเวลาที่กำหนดไว้ไม่ทันต้องทำในเวลาทบทวนบทเรียน
  4. ตรวจดูความถูกต้องก่อนส่งครู

  การทบทวนบทเรียน การทบทวนบทเรียนนับเป็นกระบวนการที่สำคัญมากต่อการเรียนเพราะเป็นการเสริมความเข้าใจ และช่วยจำให้แม่นยำยิ่งขึ้นควรทำดังนี้
   1.จัดเวลา ควรต่อจากการทำการบ้าน และพักกลางวันหลังจากรับประทานอาหารแล้ว หรือเวลาอื่นๆ เช่นก่อนครูเข้าสอน ,ชั่วโมงว่าง
   2. โน้ตย่อใจความสำคัญของบทเรียน การโน้ตย่อนอกจากจะเป็นประโยชน์สำหรับดูก่อนสอบแล้วยังเป็นการทบทวนไปในตัวด้วย       เพราะการจะย่อใจความสำคัญ ได้ต้องอ่านและต้องเขียนด้วยซึ่งทำให้จำได้แม่นยำกว่า การอ่านอย่างเดียว
   3. สำหรับวิชาคำนวณ ควรย่อเฉพาะ กฎ,ทฎษฎี ,นิยาม สูตร และหมั่นทำแบบฝึกหัดที่เรียนไปแล้วเป็นการทบทวนสูตรไปด้วย
   4. อ่านโน้ตย่อทุกเวลาที่ว่างพอจะอ่านได้ เช่นเวลาเช้าเมื่อมาถึงโรงเรียนแล้วยังไม่ถึงเวลาเรียน เวลาพักกลางวัน

     ชั่วโมงว่าง ห้องสมุดกับการเรียนเก่ง
ห้องสมุดนับเป็นแหล่งการความรู้ที่ใกล้ตัวนักเรียนที่สุด ตำรามากที่สุดเท่าที่นักเรียนจะหาอ่านได้ และข้อสำคัญไม่ต้องเสียเงิน และที่สำคัญเป็นการฝึกการใช้ ห้องสมุด ซึ่งนักเรียนจะต้องใช้มากในระดับการเรียนที่สูงขึ้น
   1. นักเรียนจะอ่านอะไรในห้องสมุด การเข้าห้องสมุดทุกครั้งนักเรียนควรมีเป้าหมายว่าจะเข้าไปทำไมหรือไปอ่านหนังสืออะไร เช่น
       - ค้นคว้าหาความรู้เพื่อทำงานส่งครู - อาจารย์
       - หาความรู้เพิ่มเติมจากบทเรียน
       - อ่านข่าวความรู้จากหนังสือพิมพ์
       - เลือกอ่านหนังสือที่ให้เพลิดเพลินเพื่อยืมไปอ่านที่บ้าน
    2. อ่านหนังสือห้องสมุดอย่างไรได้ประโยชน์ที่สุด
       2.1 กรณีค้นคว้าทำรายงานส่งครู - อาจารย์ ควรทำในห้องสมุด ไม่ควรยืมหนังสือไปทำบ้านเพราะอาจยืมหนังสือไปไม่ครบ             ถ้าทำในห้องสมุดสงสัยเรื่องใด ค้นคว้าได้ทันที
       2.2 การอ่านเพื่อความรู้ประกอบบทเรียน ควรมีการจดหรือย่อลงสมุดพก ซึ่งนักเรียนควรมี เป็นเล่มเล็กๆติดตัว
       2.3 การอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน เพราะจะได้แง่คิดข้อเท็จริงเปรียบเทียบได้
    3. การอ่านหนังสืออ่านเล่นมีประโยชน์ต่อนักเรียนอย่างไรในที่นี้หมายถึง นวนิยาย, เรื่องสั้น,สาระบันเทิง,ขำขัน
        การอ่านเรื่องอ่านเล่นนี้นอกจากจะเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ที่เคร่งเครียดกับการเรียนและเป็นการให้ความเพลิดเพลินแล้ว         ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อการทำงาน ในอนาคต เพราะการได้อ่านมากถึงแม้จะเป็นเรื่องอ่านเล่นก็ตาม จะทำให้นักเรียนอ่านหนังสือคล่อง         ได้เห็นแบบสำนวนมากทำให้ง่ายต่อการเขียนรายงาน จดหมายโต้ตอบ บันทึกต่างๆซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องประสบในขณะที่เข้าทำงาน
    4. ฝึกนิสัยรักการอ่านได้อย่างไร นักเรียนเป็นจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ พูดอีกอย่างว่าไม่มีนิสัยรักการอ่าน         แต่นักเรียนก็รู้ว่าการอ่านมีประโยชน์ เมื่อเป็นดังนี้เรามาฝึกการอ่านกันดีกว่า ขอแนะนำดังนี้
        4.1 ขั้นแรกอ่านข่าวที่น่าสนใจ ถ้าไม่ชอบการอ่านเอามากๆก็อ่านแค่พาดหัวข่าวก็ได้
        4.2 ดูภาพที่สนใจ ซึ่งส่วนใหญ่มักมีคำบรรยายประกอบ ซึ่งต้องอ่านประกอบความเข้าใจ
        4.3 อ่านเรื่องราวที่ชอบ เช่น เกี่ยวกับฟุตบอล,มวย,เย็บปักถักร้อย
        4.4 ทดลองอ่านนิทาน ,เรื่องสั้น,ที่ดีดีโดยอาจขอคำแนะนำจากบรรณารักษ์
       ถ้าปฎิบัติได้ตามข้างต้นอย่างน้อยก็ต้องพบเรื่องที่ชอบบ้าง และจะค่อยทำให้รักการอ่านภายหลัง แต่ถ้ายังไม่เกิดผลอะไรเลย           ก็คงต้องหาวิธีอื่นต่อไป, หรืออาจเกี่ยวกับเรื่องวัย,ภาวะของครอบครัวฯ



วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

วันแม่แห่งชาติ










UploadImage

แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุน จนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป

          มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความ สำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาลฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวัน แม่ของชาติ

          ต่อมาถึง พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่

UploadImage

สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอกมะลิ ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย

กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ          1. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
          2. จัดกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ 
          3. จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
          4. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่

การจัดงานวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย
          งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ.สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน

          ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ

คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2554
          สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2554 ความว่า

"เพลงชาติไทยเตือนไทยไว้เช้าค่ำ ให้จดจำจารึกใจไว้ทุกส่วน จะดำรงคงไทยได้ทั้งมวล ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี"
 


ความหมายของคำว่า แม่

         ในสังคมต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญกับ "ความเป็นแม่" และคำเรียกผู้ที่ให้กำเนิดสมาชิกใหม่ของแต่ละสังคมส่วนใหญ่จะเป็นคำแรกที่ เด็กสามารถเปล่งเสียงได้ก่อน "แม่" ดังนั้นความหมายของคำว่า "แม่" ทุกภาษาและวัฒนธรรมจะมีคุณค่าอย่างมาก และหากสังเกตจะพบว่า "แม่" เป็นเสียงที่เด็กสามารถเปล่งได้อย่างง่าย และเป็นคำแรกที่สามารถออกเสียงนั้นได้อย่างมีความหมาย

          นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ (Bilabial) ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น

http://blog.eduzones.com/enn/82533

ประวัติ Scooby Doo

                                                                                                          


Scooby Doo

ประวัติตัวละคร
                                                                                 


















สคูบี้ดู มาสค็อตประจำทีมมิสเทรี่อิ๊งค์ เป็นสุนัขเกรทเดนที่นิสัยดีมากๆ ติดแค่ขี้ขลาดไปหน่อยเท่านั้นเอง ปกติเขาจะไม่ชอบเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องผีๆหรอกนะ เว้นเสียแต่ว่าจะมีสกูบี้สแน็คมาล่อเป็นรางวัล




















แช็กกี้ โรเจอร์ เป็นเอกลักษณ์ด้วยเสื้อยืดเก่าๆหลวมๆ กางเกงขาม้า และหุ่นผอมเก้งก้างบวกความตะกละของเขากับสกู๊บ ที่ไม่ว่าจะกินเข้าไปมากแค่ไหนก็ยังมีที่ว่างในท้องสำหรับของกินอยู่เสมอ




















เวลม่า ดิ๊งค์ลี่ย์ สมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในทีม เธอเป็นมันสมองของทีม เวลม่าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับหนังสือตรรกศาสตร์และวิทยาศาสตร์กองเป็นตั้งๆ เธอฉลาดจนถึงขั้นนาซ่ายังต้องการตัว และมักจะเป็นคนคิดแผนเด็ดๆได้ทุกครั้งไป





















แดฟนี่ย์ เบลค สุดสวยประจำทีม ที่มักจะได้รับหน้าที่เป็นนกต่อ ไม่ก็เหยื่อล่อในแผนการจับผี แดฟนี่ย์ยังเป็นตัวแทนแห่งแฟชั่นและสาวน้อยผู้อยากรู้อยากเห็น เสื้อผ้าหน้าผมแน่นอนว่าต้องอินเทรนด์อยู่เสมอ




















เฟร็ด โจนส์ หัวหน้าทีมมิสเทรี่อิ๊งค์ มีสัญชาตญาณในการตามสืบคดีที่เหนือคาดหมาย เขามักพาเพื่อนๆไปพบกับสถานที่ที่น่าจะมีร่องรอยของปริศนา ด้วยความหล่อและเพอร์เฟ็คท์จึงโดนจับคู่กับแดฟนี่ย์เป็นร่ำไป

         
  สกูเบิร์ต "สกูบี้" ดู (2512-ปัจจุบัน)
         สกูบี้-ดู เป็นภาพลักษณ์ของสุนัขเกรทเดน ในสายตาผู้ชมทั่วโลก ในความเป็นตัวอย่างที่ดีของหมาพันธุ์เกรทเดน ด้วยขนสีเหลืองอมน้ำตาล ถูกต้องตามลักษณะสายพันธุ์ สกูบี้ เป็นหมาที่น่าเอ็นดู น่ากอดเป็นที่สุด และเป็นหนึ่งในสมาชิกของแก็งค์ บ.ไขปริศนาลึกลับ ซึ่งมักจะตกอยู่ในความวุ่นวาย ท่ามกลางการไขปริศนาอยู่เสมอๆ และเช่นเดียวกับหมาเกรทเดนทุกตัว ที่มักประเมินน้ำหนักตัวเองต่ำไป ซึ่งบรรดาเจ้าของสุนัขพันธุ์นี้ จะรู้ดีว่าเป็นเรื่องปกติ สกูบี้ ก็เช่นเดียวกัน และมักจะคำนวณความสามารถ ในการต่อสู้อาชญากรรมผิดไปเสมอ แต่ตรงข้ามกับสิ่งที่บางคนอาจเรียกว่า "ขี้ขลาด" ในการตามล่าผี เจ้าหมาใหญ่ตัวนี้ จะกลายเป็นผู้ที่จับตัวคนร้ายได้ทุกครั้งไป ส่วนคำเรียกตัวเองซึ่งใช้ในตอนที่จับตัวคนร้ายได้และตอนได้ที่ทานขนมสกูบี้ (Scooby Snacks)หรือได้ทานอื่นๆ มักจะพูดว่า สกูบี้-ดูบี้-ดู
โครงเรื่อง สกูบี้-ดูปรากฏตัวครั้งแรกใน Scooby-Doo, Where Are You! ในตอน What A Night for a Knight เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2512
          ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อจริงสกูเบิร์ต
ชื่อเล่นสกูบี้, สกู๊บสเตอร์, สกู๊บ, สกูบี้-ดูบี้-ดู
อายุ7 ปี
ส่วนสูง34 (ขาถึงไหล่), 6 ฟุต (ยืน 2 ขา) , 4 ฟุต (ยืน 4 ขา)
น้ำหนัก70 ปอนด์
ตาสีดำ
การแต่งกายปลอกคอสีฟ้า ป้ายชื่อเป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว มีตัวอักษร SD
ความใฝ่ฝันอยากกินขนมสกูบี้ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
สิ่งที่ชอบขนมสกูบี้, พิชซ่า, ไอศกรีม
สิ่งที่ไม่ชอบผี, พ่อมด, สัตว์ประหลาด, ซาตาน
ที่อยู่อาศัยบ้านสุนัขในสวนหลังบ้านของแช็กกี้
 ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อจริงนอร์วิลล์ โรเจอร์ส
ชื่อเล่นแช็กกี้
อายุ17 ปี
ทรงผมไม่เป็นระเบียบ
ส่วนสูง6 ฟุต
น้ำหนัก160 ปอนด์
ตาสีน้ำตาล
การแต่งกายใส่เสื้อที-เชิร์ท สีเขียว คอรูปตัววี, กางเกงขาบาน, รองเท้าสีดำ
ความใฝ่ฝันไม่มี
สิ่งที่ชอบสิ่งที่สามารถกินได้
สิ่งที่ไม่ชอบสิ่งที่ทำให้กลัว
ที่อยู่อาศัย224 ถนนเมเปิล คูลสวิลล์ สหรัฐอเมริกา
 
ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อจริง


เฟรด โจนส์
ชื่อเล่นเฟรดดี้
อายุ17 ปี
ผมสีบลอนด์
ส่วนสูง5.1 ฟุต
น้ำหนัก185 ปอนด์
ตา(ไม่ระบุ) ลักษณะดวงตาแหลมคม
การแต่งกายใส่เสื้อสเวทเตอร์สีขาว ข้างในสวมเสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงิน, แอสคอทสีส้ม, กางเกงทรงหลวม, รองเท้าสีน้ำตาล
ความใฝ่ฝันอยากเป็นนักประดิษฐ์ที่ ประสบความสำเร็จ
สิ่งที่ชอบความท้าทาย
สิ่งที่ไม่ชอบผีปลอม
ที่อยู่อาศัย123 ถนนทูน่า คูลสวิลล์ สหรัฐอเมริกา
     
  ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อจริงแดฟนี่ เบลค
ชื่อเล่นแดฟนี่
อายุ16 ปี วัยหวาน
ทรงผมสมบูรณ์แบบ
ส่วนสูง5.7 ฟุต
น้ำหนัก115 ปอนด์
ตา(ไม่ระบุ)
การแต่งกายเสื้อสีม่วง ,ถุงน่องสีม่วง, ผ้าพันคอสีเขียว, ที่คาดผมสีชมพู
ความใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนนิยายปริศนา ที่มีชื่อเสียง
สิ่งที่ชอบไขปริศนา, ทำตัวเองให้ดูดี
สิ่งที่ไม่ชอบกำลังเบื่อ
ที่อยู่อาศัย9000 ถนนอีซี่ คูลสวิลล์ สหรัฐอเมริกา
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อจริงเวลม่า ดิงค์คลีย์
ชื่อเล่นเวลม่า
อายุ15 ปี
ผมทอมบอย สีน้ำตาล
ส่วนสูง4.9 ฟุต
น้ำหนัก95 ปอนด์
ตา(ไม่ระบุ) ลักษณะดวงตาเป็นคนสายตาสั้น
การแต่งกายใส่เสื้อสเวทเตอร์สีส้ม, กระโปรงสีแดง, ถุงเท้า
ความใฝ่ฝันอยากไป Mensa International
สิ่งที่ชอบวิทยาศาสตร์, ตรรกศาสตร์
สิ่งที่ไม่ชอบอายุน้อยเกินไป
ที่อยู่อาศัย316 ถนนเซอเคิล คูลสวิลล์ สหรัฐอเมริกา
โครงเรื่องของสกูบี้-ดู ทุกตอนนั้น อาจจะแบ่งได้ดังนี้
  1. ทุกตอนทีมไขปริศนาลึกลับ จะไขปริศนาของผี, ปีศาจ และ สัตว์ประหลาด เพื่อจะถอดหน้ากาก เพื่อจะได้เปิดโปงความจริงต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอปริศนา จากการอ่านหนังสือพิมพ์, ไปเที่ยว และเจอเบาะแสโดย แช็กกี้ และ สกูบี้
  2. ทีมไขปริศนาลึกลับจะแยกกลุ่มเพื่อจะไขปริศนา ซึ่งคนวางแผนคือ เฟรด ซึ่งแยก เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 คือ เฟรด, เวลม่า (แต่บางตอนเธอจะอยู่กลุ่มที่ 2) และ แดฟนี่ กลุ่มที่ 2 คือ แช็กกี้ และ สกูบี้ (แต่บางตอนเวลม่าอยู่กลุ่มที่ 2 ด้วย)
  3. แช็กกี้ และ สกูบี้ หาอาหารเพื่อจะได้กินอาหาร แต่พอเจอผี, ปีศาจ หรือ สัตว์ประหลาด พวกเขาจะวิ่งทันที
  4. แต่ในขณะเดียวกัน คือ เฟรด, เวลม่า และ แดฟนี่ พยายามจะหาเบาะแส แต่ในบางครั้ง แดฟนี่มักจะตกลงไปในประตูกล หรือ กับดัก และจะโดนสัตว์ประหลาดจับซึ่งส่วนใหญ่แช็กกี้ และ สกูบี้จะมาช่วย แต่ในบางครั้งเฟรด กับ เวลม่า จะช่วยแทน แต่ในอีกเหตุการณ์นึงคือ เวลม่าจะทำแว่นตาหาย หรือ ตก ซึ่งเธอจมองไม่เห็นเลย พอเจอแว่นตาแล้วเธอจะวิ่งต่อ
  5. แช็กกี้ และ สกูบี้ วิ่งจนมาเจอ เฟรด, เวลม่า และ แดฟนี่
  6. ต่อมา แช็กกี้, สกูบี้, เฟรด, เวลม่า และ แดฟนี่ หาเบาะแสจนเจอ อย่างเช่น รอยเท้า, สี และพอเจอสถานที่ที่สัตว์ประหลาดอยู่ เฟรดจะสร้างกับดักเพื่อจะจับ สัตว์ประหลาด แต่แช็กกี้ และ สกูบี้ มักจะทำเสียแผนทุกที แต่การทำเสียแผนก็สามารถจับได้ตลอด
  7. พอจับสัตว์ประหลาดได้ก็ถอดหน้ากากแล้วทีมไขปริศนาลึกลับบรรยายให้ตำรวจฟัง และตัวการจะพูดประโยคที่ว่า ฉันคงรอดไปนานแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะพวกเด็กจอมจุ้น
  8. ในตอนจบ ทุกคนจะทำตัวตามสบาย และแช็กกี้ จะหาอะไรมากิน แต่สกูบี้ก็จะแย่งกินทุกที
เกร็ดข้อมูล
  • แช็กกี้เป็นเพียงชื่อเรียกเล่นๆ ชื่อจริงของเขาคือนอร์วิลล์
  • เคยมีพวกนักวิจารณ์ออกมาบอกว่าสกูบี้-ดูเป็นการ์ตูนที่มีเรื่องสกปรกทางเพศและไม่เหมาะกับเด็กๆ เพียงเพราะแค่ในเวอร์ชันเก่าๆ เวลาที่สมาชิกในทีมออกสืบหาตัวคนร้าย เฟร็ดกับแดฟนี่ย์มักจะหายไป (ซึ่งพวกเค้าก็คิดกันเอาเองว่าแอบไปทำอะไรๆกัน)
  • เวลม่า เคยถูกหาว่าเป็นเลสเบี้ยน เพียงเพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่สกูบี้-ดูฉายไปเป็นร้อยๆตอน ไม่เคยมีตอนไหนเลยที่เวลม่าพูดหรือแสดงความคิดเห็นชื่นชมหนุ่มๆที่เธอควรจะปิ๊ง
  • สกูบี้-ดูฮิตจนถึงขั้นมีคนเอารถตู้เชฟโรเล็ตต์ 1968 มาพ่นสี และเพ้นท์ลายให้เหมือนกับ รถยนต์ปริศนา (Mystery Machine) ในการ์ตูน และขนมสกูบี้ (Scooby Snacks) ก็กลายไปเป็นอาหารเช้าซีเรียลสำหรับคุณหนูๆ ในเวลาอันรวดเร็ว
  • คนที่นำเงินมาลงทุนก่อตั้ง บ.ไขปริศนาลึกลับ คือ จอร์ช เบลค (พ่อของแดฟนี)
  • สกูบี้-ดู เกิดที่ฟาร์มลูกสุนัข นิทติงแฮม
  • ประเทศไทย เคยเป็นสถานที่ในเรื่อง สกูบี้-ดู ในภาคของ Scooby's All Stars
  • ขนมสกูบี้ หรือ Scooby Snacks ในการ์ตูนมักจะเขียนเป็น Scooby Snax แต่ใน A Pup Named Scooby-Doo จะเขียนตัวย่อว่า SS
  • ซีรีส์ของสกูบี้-ดู เรื่องแรกที่นำไปออกอากาศใหม่ทางช่อง การ์ตูนเน็ตเวิร์ค คือเรื่อง A Pup Named Scooby-Doo
  • Scooby-Doo and Scrappy-Doo (การ์ตูนสั้น) ในภายหลังได้เปลี่ยนชื่อไปเป็น The Scooby, Scrappy and Yabba Doo Show ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2525 แต่ยังใช้เพลงเปิดการ์ตูนเช่นเดียวกันกับ Scooby-Doo and Scrappy-Doo (ในปี 2522 - 23) (แต่ในภาพบอชื่อตอนจะเขียนว่า Scrappy & Yabba-Doo แต่ถ้ามี สกูบี้-ดู, แช็กกี้ และ สแคร็บบี้-ดู จะใช้ภาพบอชื่อตอนเหมือนเดิม)
  • ปีศาจตัวแรกของสกูบี้-ดู คือ ปีศาจอัศวินดำ ในตอน What a Night For a Knight ออกอากาศ เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2512
  • สกูบี้-ดู และ แช็กกี้ ไม่ปรากฏใน The Scooby, Scrappy and Yabba Doo Show เนื่องจากเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ สแคร็บบี้-ดู, แย็บบา-ดู และ เดพูตี้ ดัสตี้ทั้งหมด (แต่มีอยู่บางตอนที่ สกูบี้-ดู และ แช็กกี้ ปรากฏตัวอยู่ในการ์ตูน)
  • บริษัทที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์วีซีดีและดีวีดี ของ สกูบี้-ดู คือ บ.ซีวีดี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ต่อมาเป็นของ บ.แคททาลิสท์ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทั้ง 2 บริษัท ใช้ชื่อไทยว่า สคูบี้-ดู (ยกเว้นฉบับภาพยนตร์จะใช้คำว่า สกูบี้-ดู)
  • ตอนที่สกูบี้ กระโดดกอดคอแช็กกี้ คือตอนที่ 4 ตอน Mine Your Own Business จากซีรีส์ Scooby-Doo, Where Are You!
  • ถ้าสังเกตดีๆในเรื่อง Scooby-Doo! The Mystery Begins จะแตกต่างในโครงเรื่องต้นฉบับดังนี้
    • สกูบี้-ดู ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี 2512 แต่ในฉากของ Scooby-Doo! The Mystery Begins สถานที่จะออกเป็นยุค 2000
    • ใน สกูบี้-ดู 2 สัตวประหลาดหลุดอลเวง ซึ่งเวลม่าได้กล่าวไว้ว่า ปีศาจอัศวินดำ เป็นคดีแรกของทีม แต่ใน Scooby-Doo! The Mystery Begins ปีศาจตัวแรกไม่ใช้ ปีศาจอัศวินดำ
    • เฟรดใน Scooby-Doo! The Mystery Begins จะมีผมสีดำ ทั้งๆในต้นฉบับ เฟรดจะมีผมสีเหลืองทอง
    • แช็กกี้ กับ สกูบี้ พบกันที่บ้านของแช็กกี้ แต่ในต้นฉบับ ทั้งคู่พบกันที่ฟาร์มลูกสุนัข นิทติงแฮม
  • ขนมสกูบี้มีต้นกำเนิดจาก ขนมที่แช็กกี้ทำโดยบังเอิญ ส่วนผสมมี ไข่, น้ำ, แป้ง, โกโก้, น้ำตาล และอาหารสุนัข ซึ่ง สกูบี้ชอบกินมาก แช็กกี้จึงตั้งชื่อขนมนี้ว่า ขนมสกูบี้ ต่อมาจึงมีโรงงานขนมสกูบี้
  • ใน 79% ในทุกตอน สกูบี้จะทานขนมสกูบี้ 1 ชิ้น แต่ 20.9% ในทุกตอน สกูบี้จะทานขนมสกูบี้ 2 ชิ้น และ 0.01% ในทุกตอน สกูบี้จะทานขนมสกูบี้ 1 กล่อง
  • สกูบี้ และ แช็กกี้ เคยเป็นรับเชิญใน ภาพยนตร์เรื่อง ลูนี่ย์ ทูนส์ รวมพลพรรคผจญภัยสุดโลก (Looney Tunes: Back in Action) ซึ่งแช็กกี้ต่อว่า แม็ทธิว ลิลลาร์ด (ผู้ที่แสดงเป็นแช็กกี้ในสกูบี้-ดู ฉบับภาพยนตร์ ภาค 1 และ 2) ว่าแม็ทธิว แสดงเป็นแช็กกี้ไม่เหมือน
  • ในซีรีส์ ของสกูบี้-ดู เคยหายไป 2 ครั้ง ดังนี้
    • ครั้งแรกคือในปี พ.ศ. 2528 หลังจากซีรีส์ The 13 Ghosts of Scooby-Doo จบลง ช่วงเดือนมีนาคม 2529 ทางช่องเอบีซี จึงเอาซีรีส์ Scooby's All-Star Laff-A-Lympics มาออกอากาศ หลังจากนั้นในช่วง 3 ปี (2528-2531) ไม่มีซีรีส์ ของสกูบี้-ดูออกอากาศเลย หลังจากในเดือนกันยายน 2531 ได้มีซีรีส์ชื่อว่า A Pup Named Scooby-Doo และถือว่าเป็นการสิ้นสุดสมาชิกร่วมที่อยู่นานที่สุด สแคร็บบี้-ดู
  • ใน Scooby-Doo! The Mystery Begins ถ้าสังเกตเฟรด (รับบทโดย ร็อบบี้ แอเมล) ใช้ผมสีดำ ซึ่งในต้นฉบับใช้ผมสีทอง ซึ่งเขาไม่ใช้ผมสีทอง เพราะว่าต้องใช้เวลา 85 นาที จะทำให้เสียเวลา
  • เพลงในซีรีส์ สกูบี้-ดู นายอยู่ไหน! (Scooby-Doo, Where Are You!) ถูกใช้ซ้ำถึง 7 ครั้ง สกูบี้-ดู นายอยู่ไหน! ทั้ง 2 ซีซั่น, สกูบี้-ดู ยกแก๊งตะลุยแดนซอมบี้, ผจญแม่มดปีศาจ, ผจญมนุษย์ต่างดาว, ผจญภัยไซเบอร์สเปซ และ ปราบปีศาจแวมไพร์
  • ก่อนหน้าที่จะมี Scooby-Doo! The Mystery Begins ทาง WB ได้วางแผนจะสร้าง สกูบี้-ดู 3 ในปี 2547 แล้วจะฉายในปี 2549 แต่แม็ทธิว ลิลลาร์ด และ ลินดา คาร์เดลลินี่ ไม่รับเล่นใน สกูบี้-ดู 3
  • แช็กกี้เป็นคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นมังสวิรัติ
  • ในปี 2552 เคซี่ เคเซ่ม ผู้ให้เสียงเวอร์ชันต้นฉบับของแช็กกี้ ให้เสียงแช็กกี้ครั้งสุดท้ายใน สคูบี้-ดู ตะลุยแดนซามูไร ซึ่งประกาศว่าจะออกจากวงการโทรทัศน์ และวิทยุ ส่วนคนที่ให้เสียงต่อจาก เคซี่ เคเซ่ม คือ แม็ทธิว ลิลลาร์ด ผู้ที่แสดงเป็นแช็กกี้ในสกูบี้-ดู ฉบับภาพยนตร์ ภาค 1 และ 2
  • แม้แช็กกี้และสกูบี้จะขี้ขลาดแต่ในเวลาที่ต้องช่วยใครซักคนพวกเขาจะกล้าหาญขึ้นมาเสมอ
  • บุลคลที่น่าสงสัยในช่วงแรกๆมักจะเป็นตำรวจแฝงตัวมาเสมอ
  • เวลาที่ไม่มีทางออกแช็กกี้และสกูบี้จะหาทางออกได้เสมอ เช่น การวิ่งทะลุกำแพง

 แหล่งข้อมูลอื่น